วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

เกาะพยาม ตอนที่ 1 พายเรือคายัค เล่นน้ำทะเล ถ่ายรูป ชมป่าชายเลน ที่ The Blue Sky Resort @ Koh Payam

หลังจากจบทริปปีใหม่ 2558 ได้หนึ่งสัปดาห์ เราก็เริ่มวางแผนทริปต่อไป ซี่งก็คือ ทริปสงกรานต์ เพราะเรารู้ว่าที่พักดีๆ มักจะหมดอย่างรวดเร็ว และนับวันโจทย์จัดทริปของเราก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ   สงกรานต์หน้าร้อนคงหนีไปพ้นทะเลสินะ  คนข้างๆ เริ่มนั่งลงหน้าจอค้นหาที่พักตามสไตล์ที่ชอบ เริ่มจาก ภูเก็ต พังงา กระบี่ คนบ้านอื่นอาจจะเริ่มต้นจากที่เที่ยวแต่บ้านนี้เรามักจะเริ่มต้นจากที่พักก่อน ที่พักต้องสวย ต้องหรู อยู่สบายกว่าอยู่บ้าน ได้ที่พักแล้วเดี๋ยวที่เที่ยวจะตามมาเองผ่านไปสองวันยังสรุปที่พักไม่ได้เลย และด้วยความบังเอิญจริงๆ ที่ไปเปิดลิ้นชักตู้เอกสารแล้วไปเจอโบรชัวร์ที่พักแห่งหนึ่ง โบรชัวร์นี้ได้รับมาจากน้องที่ทำงาน เมื่อปีก่อน เค้าเอามาฝาก ตอนนั้นเค้าไปงานไทยเที่ยวไทยมา  เป็นโบรชัวร์ ของ The Blue Sky Resort เกาะพยาม จังหวัดระนอง มัลดีฟ เมืองไทย 
 ซึ่งเป็นที่ที่คิดว่าอยากจะไปมาตั้งนานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเราลืมที่นี่ไปได้อย่างไร   จึงไม่รอช้า รีบเข้าไปในเวบของรีสอร์ทเพื่อทำการจองที่พัก โชคดีของเรามากที่ยังพอมีห้องว่างอยู่่ในช่วง 16-17 เมษายน (ซึ่ง 10-15 เมษานั้นเต็มหมดแล้ว)  และด้วยวันหยุดของเราที่ยาวมากพอที่จะไปช่วงนั้นได้
ภาพล่างเป็นเรือที่วิ่งออกจากปากน้ำระนอง เร็วมาก กดได้สามภาพเอง
ทริปสงกรานต์นี้เราออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 14 เมษา นอนบนฝั่งสองคืน มานอนที่เกาะพยามสองคืน เช้าวันที่ 16 เราออกเดินทางจากที่พักบนฝั่ง มายังท่าเรือไปเกาะพยาม ซึ่งอยู่ในตัวจังหวัดระนอง. ที่ท่าเรือมีที่รับฝากรถด้วยถ้าใครขับรถมาก็สามารถติดต่อขอฝากรถได้. ทางเข้าท่าเรือไปเกาะพยาม อยู่เนื้องๆกับด่านศุลกากรระนอง ใช้ GPS ในสมาร์ทโฟนช่วยได้ค่ะ จุดขึ้นเรือของ Blue Sky Resort. เป็นร้านกาแฟ ของ Blue Sky ค่ะ ชื่อร้าน Blue Monkey ถ้าพักกับ Blue Sky ก็สามารถขึ้นเรือ สปีดโบ๊ทของทางรีสอร์ทได้เลย ค่าเรือคนละ 350 บาท (แต่ถ้าซื้อแพ็คเกจของรีสอร์ท ราคาน่าจะรวมอยู่ในแพกเกจแล้ว) ใช้เวลาประมาณ 40 นาที. แต่ถ้าหากอยากนั่งเรือธรรมดาชิล ชิล กินลม ราคา 250.- ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ท่าเรือเกาะพยาม ตั้งอยู่ที่อ่าวแม่หม้าย ที่พักของเราห่างจากที่นี่ไม่ไกลเลย
ระหว่างรอ เช็คอิน เก็บภาพไปพลางๆ  ภาพมุมกว้างของ blue sky resort เดินไปชายหาดแล้วถ่ายย้อนมา
เรื่องสัมภาระ ไม่ต้องกังวลเลยครับ(ค่ะ) เพราะว่าพนักงานของบลูสกาย จัดการให้ตั้งแต่บนฝั่งแล้ว(ขอชมว่าจัดการได้ดี มากๆเลยครับ จากท่าเรือมาที่พัก มีรถของรีสอร์ทไปรอรับเลยครับ สบายไปไม่ต้องเดิน ซึ่งถ้าเดินก็ไกลเหมือนกัน ที่สำคัญคือร้อนม้ากกกก
วันที่เราไปถึงเรือสปีดโบ๊ท รอบ 11 โมง ไปถึงรีสอร์ท ประมาณ 11:40. ระหว่างรอเช็คอิน ก็ทานข้าวกลางวันไปพราง คุณผู้ชายก็เริ่มเก็บภาพความามโดยรอบของรีสอร์ทไปพราง. ได้เข้าห้องพัก ก็ประมาณ บ่ายโมง สิ่งแรกที่ทำหลังจากเข้าห้องพักคือ. ไปเช่ามอเตอร์ไซด์ค่ะ. บนเกาะพยามนี้ พาหนะที่ใช้กันก็คือ มอเตอร์ไซด์ค่ะ ค่าเช่าวันละ 250 บาท ค่าน้ำมันต่างหากซึ่งราคาลิตร์ละ 40 บาท โดยทางร้านจะตวงใส่ขวดลิตรไว้ขวดละหนึ่งลิตร การเช่าจักรยานก็ไม่มีอะไรยุ่งยากค่ะ ใช้บัตรประชาชนหนึ่งใบก็เรียบร้อย. หลังจากที่คุณผู้ชายเลือกพาหนะขนาดครอบครัวได้แล้ว ต้องใช้เวลารื้อฟื้นการขี่มอเตอร์ไซด์นิดสนึง เพราะไม่ได้ขี่มอเตอร์ไซด์มาตั้งแต่เรียนจบ (สมัยเรียนใช้มอเตอร์ไซด์ขับขี่ใน ม.) มอเตอร์สมัยนี้ขับง่ายกว่าสมัยก่อนเยอะก็เลยใช้เวลาไม่นานในการทบทวน ไม่ใช่แค่คนขับที่ต้องรื้อฟื้น คนซ้อนอย่างเราก็รู้สึกตื่นเต้นในการซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เหมือนกัน ยิ่งเจ้าตัวเล็กยิ่งแล้วเลย คุณหนูเธอไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซด์เลย
ที่นั่งบริเวณสระว่ายน้ำ


สระว่ายน้ำกับทะเล อะไรสวยกว่ากันเอ่ย

ที่นอนเล่นรูปทรงเหมือนเรือเห็นแล้วน่านอน แต่ตอนนี้ร้อนมาก
 เรือคายัคสำหรับผู้ที่มาพัก 
ที่พักของเราเป็น Villa Sea Veiw ค่ะ อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ และมองเห็นทะเล ที่พักมีสองชั้น. ชั้นสองเป็นที่นั่งชิลยามเย็น ชมแสงทไวไลท์ยามค่ำ.
ห้องของเราเห็นวิวทะเล ตัวห้องค่อนข้างแคบ แต่มีสองชั้น กินข้าวขนมก็ไปนั่งเล่นชั้นบน



บันไดทางขึ้นชั้นบน
วิวนี้มองจากชั้นบน

 สระว่ายน้ำที่นี่ปิดสามทุ่มค่ะ เรานั่งทานอาหารเย็นกันบนชั้นสอง ทางรีสอร์ท มีดนตรีและนักร้องมาเล่นสดให้ฟังด้วย ฟังเพลงเบาๆ เคล้าเสียงคลื่น บอกเลย ชอบสุดๆ
ชั้นบนเปิดโล่งเห็นวิวรอบด้าน เห็นทะเลด้านข้าง ด้านหน้าก็เห็นแต่โดนหลังหน้าๆบัง
วันที่เราไปถึง ช่วงบ่ายน้ำลงค่ะยังเล่นอะๆรไม่ได้ก็เลย ขี่มอเตอร์ไซด์สำรวจเกาะกันค่ะ
 
ตอนน้ำลงสะพานนี้ก็เป็นแบบนี้ แต่ตอนน้ำขึ้นนี่สวยมากค่ะ
วันแรกที่เราไปคลื่นยังแรงอยู่มาก เล่นน้ำทะเลต้องใส่ชูชีพค่ะเพื่อความปลอดภัย

เล่นน้ำทะเลเสร็จก็ได้เวลาทานอาหารเย็น มีเพลงให้ฟังสดๆด้วย

ผ่านไปหนึ่งคืน
เช้าวันที่สอง รีบตื่นแต่เช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้น ทานอาหารเช้าของรีสอร์ทเสร็จ เราไม่รอช้ารีบไปจับจองเรือคายัคของทางรีสอร์ท ที่ทางรีสอร์ทมีบริการให้แขกที่พักในรีสอร์ท ฟรีค่ะ (ลืมไปค่ะ ที่รีสอร์ท มีจักรยานให้ยืมฟรีด้วยค่ะ สำหรับถีบไปเที่ยวหรือซื้อขนมบริเวณใกล้ๆ)
   
เป็นไงคะ ตอนน้ำขึ้นแล้ว น้ำทะเลเสีเขียวทำให้สะพานนี้น่ามองขึ้นมาทันที
น้ำทะเลไหลลึกเข้าไปในป่าโกงกาง สีเขียวเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆตามระดับน้ำ

บริเวณนี้เป็นโซนมัลดีฟล์ จะสวยที่สุดก็ช่วงน้ำขึ้นนี่แหละค่ะ
น้ำใสๆ กับทางเดิน
 สำหรับที่พักแบบ วิลล่ามัสดีฟ จะอยู่โซนด้านใน สามารถเดินเข้าไปชมบริเวณหรือไปเล่นน้ำได้ค่ะ สามารถเล่นน้ำหน้าที่พักได้ช่วงน้ำขึ้นค่ะ ซึ่งจะเป็นช่วงเช้า ขอแนะนำว่า ถ้าเป็นที่พักโซนมัลดีฟ ต้องเป็นโซน R นะคะ เพราะจะลงเล่นน้ำได้ ถ้าเป็นโซน L ราคาจะถูกว่าและลงเล่นน้ำไม่ได้เพราะน้ำจะตื้นเกินไปค่ะ


กิจกรรมพายเรือเล่นน้ำช่วงน้ำขึ้นนี่ฟินมากค่ะ   เป็นอะไรที่ต้องทำ ขอบอก
ความสูงของน้ำก็ประมาณนี้ โดดลงไปก็มิดหัวค่ะ แต่ตอนน้ำลงก็แห้งขอดเลยนะคะ

ช่วงน้ำขึ้นตรงบริเวณที่พักโซนมัลดีฟ น้ำใสมากๆ หลังจากพายเรือคายัคกันไปจนหนำใจแล้ว อดไม่ได้ที่ต้องขอแช่น้ำเล่นซะหน่อย น้ำไม่ลึกมากค่ะ ที่สำคัญบริเวณพื้นใต้น้ำเป็นพื้นทรายค่ะ น้ำใส ไม่ขุ่นเลย น่าเล่นมากๆ น้ำจะขึ้นเต็มี่ ก็ประมาณ 11 โมง หรือก่อนเที่ยง หลังจากนั้นน้ำก็จะเริ่มลดลง ช่วงบ่ายเราจึงออกไปเที่ยวตะลุยรอบเกาะกัน

พอน้ำลง เราก็เลิก ไปเที่ยวที่อื่น แล้วกลับมาเล่นน้ำทะเลตอนเย็นได้อีก
ช่วงเย็น น้ำทะเลลมสงบมากๆ. อดไม่ได้ที่จะเข็นเรือคายัคลงไปพายเล่นในน้ำทะเลกันอีกรอบ น้ำทะเลน้ำใสมากๆค่ะ.
เป็นที่พักและที่เที่ยวที่ให้ประสบการณ์ที่ประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งค่ะ สำหรับเมืองไทยแล้ว เกาะพยาม ที่ Blue Sky Resort. ต้องมาค่ะ ต้องมา บอกเลย
จบกันที่ภาพนี้นะครับ  งงมั้ยครับ เดี๋ยวมีคะ มีครับ เพราะคนเขียนมีสองคนครับ แย่งกันเขียน  สำหรับเกาะพยามยังไม่จบนะครับ ยังมีตอนสองตะลุยเกาะพยาม    [ To be continue ] โปรดติดตามตอนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น